ตุลกู ผู้เป็นยิ่งกว่าผู้สร้างแรงบันดาลใจ
ในคำสอนของพระพุทธศาสนาวัชรยาน พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานอย่างสิ้นเชิง ทรงอยู่เหนือกาลเวลาและสถานที่ พระองค์ทรงสถิตอยู่ในรูปของปรมัตถสัจจ์ หรือที่รู้จักกันในนามของ ธรรมกาย หรือ กายแห่งสัจธรรม
ธรรมกาย หมายถึง ดวงจิตแห่งพุทธะ ซึ่งมีแก่นเป็นความกรุณาหรือโพธิจตที่สถิตอยู่ในหัวใจของสรรพสัตว์ทั้งหลาย หากแต่ปรารถนาจะนำสรรพสัตว์ไปสู่การรู้แจ้งในพุทธภาวะ พระพุทธเจ้าอาจปรากฎพระองค์ออกมาในรูปอื่น อันได้แก่ สัมโภคกาย กายทิพย์ซึ่งเรืองรองด้วยฉัพพรรณรังสี และ นิรมาณกาย อันเป็นกายที่ปราฏในโลกมนุษยที่เราอาศัยอยู่ ในภาษาทิเบตเรียกว่า "ตุลกู"
"ตุลกู" ผู้เป็นยิ่งกว่าผู้สร้างแรงบันดาลใจ อาจารย์หรือผู้เป็นแบบอย่าง ท่านเป็นมนุษย์ผู้ประกอบไปด้วยองค์คุณแห่งพระโพธิสัตว์ ตามคำสอนของพระพุทธศาสนาวัชรยาน พระโพธิสัตว์จะบรรลุธรรมไปตามลำดับขั้น โดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสิบขั้น หรือที่เรียกว่า "ทศภูมิ" โดยภูมิสูงสุด พระโพธิสัตว์จะมีสิทธิ หรือพลังอำนาจพิเศษ ซึ่ง สิทธิอำนาจที่สำคัญสูงสุดคอ สามารถที่จะเลือกสภาวการณ์ในการกลับมาเกิดใหม่ เพื่อว่าการเกิดนั้นจะเอื้อประโยชน์ในการนำพาผู้อื่นไปสู่การบรรลุธรรม
ความเชื่อในเรื่องของพระโพธิสัตว์ ผู้ตั้งสัตยาธิษฐานในการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อกลับมาช่วยเหลือสรรพสัตว์นี้ ได้กลายมาเป็นหัวใจหลักสำคัญในพระพุทธศาสนาวัชรยาน
ต้นกำเนิดของปรากฎการณ์เรื่อง ตุลกู หรือ นิรมาณกาย ปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกภาษาบาลียุคแรก ซึ่งได้กล่าวถึงพระพุทธประวัติและหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศากยมุนีพุทธเจ้า ความในพระไตรปิกฎกล่าวไว้ว่า ระหว่างบำเพ็ญเพียรพระบารมีก่อนจะตรัสนั้น พระพุทธองค์ทรงเวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน แต่ละชาติ พระองค์จะทรงเจาะจงเลือกสภาวการณ์ในการกับมาเกิดใหม่เพื่อว่าจะทรงสามารถช่วยเหลือและชี้นำสรรพสัตว์ทั้งหลาย กล่าวกันว่าองค์ศากยมุนีทรงสามารถย้อนระลึกถึงบุคคล สถานที และเหตุการณ์บางอย่างในอดีตชาติได้อย่างชัดเจน
แปดสิบสี่ มหาสิทธา ผู้วางรากฐานแนวทางการปฏิบัติธรรมพระพุทธศาสนาวัชรยานก็เป็นพระโพธิสัตว์ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุด และตลอดระยะเวลาอันยาวนาวของพระพุทธศาสนาวัชรยานก็ได้มีการบันทึกถึงการ "กลับมาเกิด" ในรูปกายต่างๆมากมาย อย่างไรก็ดี แนวทางในการพิสูจน์นิรมาณกายเพิ่งจะเริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 12 พร้อมการเกิดขึ้นของตำแหน่งองค์กรรมาปะ ซึ่งการกลับมาเกิดก็จะมีการพยากรณ์ล่วงหน้าถึงการกลับชาติมาเกิดและจะมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรมอบให้กับลูกศิษย์คนสนิท
วัตรปฏิบัติในการับรองนิรมาณกายนี้ได้แพร่หลายไปในนิกายกรรมะกาคิวอย่างรวดเร็ว สร้างความเป็นปีกแผ่นให้กับสายธรรมในรูปของ ตุลกู หรือ ริมโปเชต่างๆ (ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรว่า "สูงค่า") ไม่ว่าจะเป็นชามาร์ปะ,ไทชิทูปะ,เกีลยซับ ริมโปเช ,ปาโว ริมโปเช ,จัมกอน คองตรุล ริมโปเช ,กาลู ริมโปเช และอื่นๆอีกมากมาย
ในขณะเดียวกันวัตรปฏิบัตินี้ก็ยังได้แพร่หลายไปสู่พุทธศาสนาวัชรยานนิกายอื่นๆ ในคณะสงฆ์ซึ่งต้องถือพรหมจรรย์นั้น การพิสูจน์นิรมาณกายไม่เพียงทำหน้าที่ตอกย้ำถึงองค์คุณอันประเสริฐในการเสียสละเพื่อผู้อื่นของพระโพธิสัตว์ หากยังเป็นการสืบทอดลำดับขี้นสมณศักดิ์ทั้งในทางศาสนจักรและทางอาณาจักรด้วย
การสร้างระบอบตุลกูขึ้นมานั้น มีส่วนสำคัญในการทำให้ศาสนจักรธิเบตมีอำนาจเป็นปึกแผ่น ในช่วงแรกของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ศาสนจักรจำต้องพึ่งพาและผูกติดอยู่กับราชสำนักหรือคหบดีผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินเพื่อความอยู่รอด อันเป็นเหตุให้คณะสงฆ์ต้องถูกแทรกแซงจากภายนอกอยู่เนืองๆ ต่อมาระบอบตุลกู ได้ย้ายฐานอำนาจในการเลือกผู้นำให้มาอยู่ในมือของคณะสงฆ์ โดยใช้พลังอำนาจในการพยากรณ์ของครูบาอาจารย์ผู้บรรลุธรรม ตุลกู คือยอดสูงสุดในระบอบศาสนา เช่นที่เป็นอัญมณีประดับยอดมงกุฎของพุทธสาสนาวัชรยาน
การพิสูจน์นิรมาณกายของ ตุลกู เป็นศาสตร์ที่ไม่มีกลักการตายตัว และแต่ละนิกายก็มีวิธีการแตกต่างกันออกไป นิรมาณกายขององค์กรรมมาปะมีลักษณะพิเศษที่มักใช้วิธีการประกาศตนหรือการมอบหมายสาส์นพยากรณ์ที่ระบุถึงสถานที่ในการกลับมาเกิดใหม่
หากโดยทั่วไปแล้วเมื่อมีผู้ปฏิบัติธรรมซึ่งมีภูมิธรรมขั้นสูงดับขันธ์ลง เหล่าสาสุศิษย์จะรอเวลาราวสองหรือสามปี ก่อนจะไปหาลามะที่เคารพนับถือกันว่าเป็นผู้หยั่งรู้ในธรรม และมีทิพยญาณ ผู้สามารถมองเห็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับมาเกิดใหม่ของนิรมาณกายและให้คำชี้แนะต่อเหล่าสาวกในการออกติดตามค้นหา สัญญาณบ่งชี้เหล่านี้อาจจะมาในรูปของความฝัน ภาพนิมิต การเสี่ยงทาย การปรึกษาร่างทรง หรือลางบอกเหตุบางอย่างที่เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ การปฏิสนธิและการถือกำเนิดขึ้นของตุลกูนั้น มักมาพร้อมกับปรากฎการณ์ประหลาด ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ที่มาเกิดนั้นเป็นบุคคลที่พิเศษ